เว็บไซต์คืออะไร ?
ทำเว็บไซต์ มีหลายขั้นตอน และค่อนข้างยุ่งยาก ต้องใช้ทีมงานที่เป็นมืออาชีพและมีประสบการณ์สูง จากหลากหลายแขนง ทั้งทางด้าน ซอฟต์แวร์ และ ฮาร์ดแวร์ เช่น ความรู้ด้านเชิร์ฟเซิร์ฟเวอร์ ฮาร์ดแวร์ และซอฟต์แวร์ภายในเซิร์ฟเวอร์ ตลอดจนระบบเครือข่าย เป็นอย่างดี ในส่วนของ เว็บมาสเตอร์ จะต้องมีความรู้ด้านโปรแกรมต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการทำเว็บไซต์ เพื่อให้เว็บไซต์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้นการทำเว็บไซต์ จึงเป็นศาสตร์ความรู้ ที่ต้องศึกษาอย่างจริงจัง เพื่อให้ผู้ออกแบบเว็บไซต์ สามารถแก้ไขปัญหาต่างๆได้ หลังจากที่ได้ทำเว็บไซต์เสร็จเรียบร้อยแล้ว รวมถึงผู้ดูแลระบบโดเมนเนม ที่ต้องควบคุมผ่านเครือข่ายอินเตอร์เน็ตสากล เพื่อให้โดเมนทำงานได้อย่างถูกต้อง
เว็บไซต์ (Website) คือชุดข้อมูลหรือหน้าเว็บที่ถูกจัดเก็บบนเซิร์ฟเวอร์บนอินเทอร์เน็ต และสามารถเข้าถึงได้ผ่านเบราว์เซอร์ (Web browser) โดยผู้ใช้งาน ซึ่งการทำเว็บไซต์ประกอบด้วยหน้าเว็บหลายๆ หน้าที่มีข้อมูลและสื่อต่าง ๆ ที่ถูกจัดระเบียบเพื่อการนำเสนอข้อมูลหรือบริการต่าง ๆ ให้กับผู้เยี่ยมชมหรือผู้ใช้งาน
การทำเว็บไซต์มีลักษณะและวัตถุประสงค์ต่าง ๆ เช่น
1. เว็บไซต์ข้อมูล ที่นำเสนอข้อมูลเพื่อให้ความรู้แก่ผู้เยี่ยมชม เช่นเว็บไซต์ข่าว, เว็บไซต์หนังสือ, หรือเว็บไซต์การศึกษา
2. เว็บไซต์บริษัทหรือธุรกิจ เป็นการทำเว็บไซต์ที่ใช้เพื่อนำเสนอบริการ หรือผลิตภัณฑ์ของบริษัท หรือธุรกิจ
3. เว็บไซต์อีคอมเมิร์ซ เป็นการทำเว็บไซต์ที่ทำการขายสินค้า หรือบริการออนไลน์ มีระบบต่างๆ เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้งานได้ง่าย รวมถึงการชำระเงินที่เชื่อมโยงกับธนาคาร หรือระบบชำระเงินต่างๆ
4. เว็บไซต์สังคมออนไลน์ เป็นการทำเว็บไซต์ที่ให้ผู้ใช้งานสามารถแบ่งปันข้อมูล, สร้างโพสต์และเชื่อมต่อกับผู้ใช้งานอื่น ๆ
5. เว็บไซต์ส่วนตัว เป็นการทำเว็บไซต์ที่ใช้สำหรับการแสดงผลงานส่วนตัว หรือข้อมูลส่วนตัว
6. เว็บไซต์บล็อก เป็นการทำเว็บไซต์ที่มีโพสต์หรือบทความที่อัปเดตอย่างสม่ำเสมอ
7. เว็บไซต์แฟชั่น เป็นการทำเว็บไซต์ที่นำเสนอเนื้อหาเกี่ยวกับแฟชั่น, ลุคบ้านหรือการแต่งตัว
การสร้างเว็บไซต์ประกอบด้วยการใช้ภาษาโปรแกรมมิ่งเช่น HTML, CSS, JavaScript หากมีการใช้ระบบการจัดการเนื้อหา (Content Management System, CMS) เพื่อง่ายต่อการจัดการและปรับแต่งเนื้อหาของเว็บไซต์ การทำเว็บไซต์นั้นต้องถูกจัดการบนโฮสต์ ในเซิร์ฟเวอร์เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงได้ผ่านทางอินเทอร์เน็ต
เว็บไซต์มีประโยชน์อย่างไรต่อธุรกิจ?
ทำเว็บไซต์แล้ว มีประโยชน์อย่างมากต่อธุรกิจในหลายด้านเช่น
- เข้าถึงลูกค้าได้ตลอดเวลา เว็บไซต์ทำให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงข้อมูลหรือบริการของธุรกิจได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทุกวัน ไม่จำเป็นต้องรอเวลาทำการหรือวันหยุด
- เป็นสื่อในการโปรโมท และการทำการตลาด คือ เว็บไซต์เป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการโปรโมท และ การทำการตลาดสินค้าหรือบริการ ผ่านการใช้เทคนิค SEO (Search Engine Optimization) และ การใช้สื่อโฆษณาออนไลน์
- เสริมสร้างภาพลักษณ์ เว็บไซต์ช่วยเสริมสร้างภาพลักษณ์ และ บรรยากาศของธุรกิจ ซึ่งสามารถให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์แก่ลูกค้าเพื่อให้พวกเขาได้รับความเข้าใจที่ดีขึ้น
- ทำเว็บไซต์เป็นการขายบริการ สามารถติดต่อได้ง่ายขึ้น รวมถึงการสั่งซื้อสินค้า หรือการให้บริการข้อมูลต่าง ๆ
- ขายสินค้าออนไลน์ สำหรับธุรกิจที่มีการขายสินค้าเว็บไซต์สามารถทำหน้าที่เป็นร้านค้าออนไลน์ที่ลูกค้าสามารถทำการซื้อสินค้าได้ง่าย ๆ
- ทำเว็บไซต์เพื่อตรวจสอบ และ วิเคราะห์ผล เช่น จำนวนผู้เข้าชม, การทำธุรกิจออนไลน์และข้อมูลอื่น ๆ ที่สามารถใช้ในการปรับปรุงธุรกิจ หรือบริการ ตลอดจนการพัฒนาศักยภาพขององค์กรต่าง ๆ
- ลดค่าใช้จ่าย การมีเว็บไซต์สามารถลดค่าใช้จ่ายในด้านต่าง ๆ เช่น การโปรโมทผ่านช่องทางทางการพิมพ์, การกระจายแผนพิมพ์ เป็นต้น
- การสร้างความน่าเชื่อถือ เว็บไซต์ที่มีดีไซน์ที่ดี, ข้อมูลที่เป็นประโยชน์และการให้บริการที่ดี สามารถช่วยสร้างความน่าเชื่อถือให้กับลูกค้า และ นำเข้าผู้ใช้งานใหม่
การเปิดใช้เว็บไซต์สำหรับธุรกิจมีผลทำให้ธุรกิจมีความสามารถในการด้านแข่งขัน, เสริมสร้างความน่าเชื่อถือ และให้บริการที่ดีขึ้นต่อลูกค้า ทำให้คุณประสบผลสำเร็จได้รวดเร็วยิ่งขึ้น
ทำเว็บไซต์ มีขั้นตอนอะไรบ้าง?
การสร้างเว็บไซต์เป็นกระบวนการที่ละเอียดและควรทำควบคู่กับวัตถุประสงค์ของเว็บไซต์ จะต้องมีการวางแผนโดยสามารถทำตามขั้นตอน ดังนี้
1. กำหนดวัตถุประสงค์ (Define Objectives) การกำหนดวัตถุประสงค์ของเว็บไซต์ว่าคุณต้องการให้เว็บไซต์ทำอะไร, ช่วยในการกำหนดขอบเขตและรูปแบบของเว็บไซต์
2. วางแผน (Planning) การวางแผนโครงการเว็บไซต์รวมถึงการกำหนดโครงสร้างเว็บไซต์, การจัดเรียงเนื้อหาและปฏิบัติการต่าง ๆ
3. เลือกเทคโนโลยี (Choose Technology) เลือกเทคโนโลยีที่เหมาะสมกับวัตถุประสงค์ของคุณ เช่น HTML, CSS, JavaScript, หรือใช้ Content Management System (CMS) เช่น WordPress, Joomla, Drupal ฯลฯ
4. ออกแบบ (Design) ออกแบบโครงสร้างและรูปแบบของเว็บไซต์ รวมถึงการเลือกสี, ภาพประกอบและกราฟิกอื่น ๆ เพื่อให้ลูกค้าเข้าใจง่ายขึ้น ได้เห็นภาพตัวอย่างที่ชัดเจน ช่วยเพิ่มความสนใจของผู้ที่เข้าชมในการค้นหาสินค้าและบริการมากยิ่งขึ้น
5. พัฒนา (Development) ทำการเขียนโค้ดและสร้างฟังก์ชั่นที่จำเป็นตามที่วางแผนไว้
6. ทดสอบ (Testing) การทดสอบเว็บไซต์เพื่อตรวจสอบความถูกต้องและประสิทธิภาพ รวมถึงการทดสอบการทำงานบนอุปกรณ์ที่แตกต่างกัน
7. เผยแพร่ (Deployment) หลังจากที่สร้างเว็บไซต์แล้วเป็นการอัปโหลดไฟล์ขึ้นเซิร์ฟเวอร์หรือการใช้บริการโฮสติ้ง เพื่อให้ผู้อื่นได้เข้าชมหรือใช้งาน
8. บำรุงรักษา (Maintenance) ควรทำการประเมินและตรวจสอบระบบรวมไปถึงการดูแลรักษาเว็บไซต์เป็นระยะๆ เพื่อให้มีประสิทธิภาพและป้องกันปัญหาต่าง ๆ
9. การตลาด (Marketing) นำเสนอและโปรโมทเว็บไซต์ เพื่อเพิ่มช่องทางการเข้าถึงทำให้ลูกค้าสามารถรับข่าวสาร ความเคลื่อนไหวของบริษัท
10. วิเคราะห์ผล (Analysis) การวิเคราะห์ข้อมูลผลการใช้งานของเว็บไซต์ เพื่อปรับปรุงและปรับใช้ต่อไป
ทำอย่างไร ให้เว็บไซต์ ประสบผลสำเร็จได้ รวดเร็ว?
การทำเว็บไซต์ให้ประสบผลสำเร็จและรวดเร็วนั้น มีหลายขั้นตอนที่สามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของเว็บไซต์ได้คือ
- รู้จักกลุ่มเป้าหมาย เพื่อการออกแบบเว็บไซต์ให้ตรงกับความต้องการของผู้ใช้งาน เป็นการสร้างความสนใจ และดึงดูดให้คนเข้าชมอยากเข้ามาเยี่ยมชมเว็บไซต์
- เมื่อรู้ถึงกลุ่มเป้าหมายแล้วก็ควรมีรูปแบบที่ชัดเจนและเข้าใจง่าย ให้มีความสอดคล้องกับวัตุประสงค์ของบริษัท ที่สำคัญต้องมีความเชื่อถือได้
- เว็บไซต์ที่สามารถใช้งานได้ในทุกๆ แพลตฟอร์ม เข้าถึงง่ายเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้เพิ่มช่องทางให้ผู้เข้าชมเพิ่มมากขึ้น
- สร้างอันดับที่ดีใน Search Engine ควรทำให้เว็บไซต์อยู่ในลำดับต้นๆ เพื่อเพิ่มโอกาสในการค้นหาเว็บไซต์ ศึกษาเรื่องการ บริการ SEO เป็นวิธีการทำให้ การค้นหาเว็บไซต์ของคุณติดหน้าหนึ่งของกูเกิลได้
- มี Keywords ที่เป็นประเด็นสำคัญที่ดึงดูดให้สามารถค้นหาได้ง่าย ซึ่งคีเวิร์ตจะต้องเป็นคีเวิร์ตที่มีการค้นหา มีความนิยม แต่อาจไม่จำเป็นต้องเป็นคีเวิร์ตที่ไม่มีคู่แข่งสูงจนเกินไป
- การปรับปรุงเว็บไซต์ เพื่อให้มีประสิทธิภาพสูง และ รวดเร็วเป็นกระบวนการที่ต้องทำบ่อยเพื่อให้เทคโนโลยีและข้อมูลที่ใช้งานอยู่กับการเปลี่ยนแปลงและความต้องการของผู้ใช้
ดูแลเว็บไซต์อย่างไร ให้มีความปลอดภัย ?
การดูแลเว็บไซต์เพื่อให้มีความปลอดภัยเป็นกระบวนการที่สำคัญเพื่อป้องกันการโจมตีและความเสี่ยงต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้น คือ
1. อัปเดตซอฟต์แวร์และระบบปฏิบัติการ
– อัปเดตทุกซอฟต์แวร์ที่ใช้บนเว็บไซต์ เช่น CMS, เซิร์ฟเวอร์,ประยุกต์ใช้โค้ดต่าง ๆ
– ให้ระบบปฏิบัติการและซอฟต์แวร์มีการอัปเดตล่าสุดเพื่อป้องกันช่องโหว่ความปลอดภัย
2. ใช้ HTTPS
– ติดตั้ง SSL/TLS เพื่อให้การสื่อสารระหว่างเบราว์เซอร์และเซิร์ฟเวอร์เป็นปลอดภัย
– ส่งผ่านข้อมูลที่เป็นสาระสำคัญผ่านช่องทางที่เข้ารหัส
3. การจัดการรหัสผ่าน
– ใช้รหัสผ่านที่แข็งแรงและต้องการการเปลี่ยนรหัสผ่านที่สม่ำเสมอ
– ใช้การยืนยันตัวตนแบบสองปัจจัย (2FA) หรือการตรวจสอบการเข้าสู่ระบบสองชั้น
4. การตรวจสอบการบันทึก (Logging)
– เปิดใช้งานการบันทึกเพื่อตรวจสอบกิจกรรมบนเว็บไซต์
– ทำการตรวจสอบบันทึกอย่างสม่ำเสมอเพื่อค้นหาสัญญาณของการทำผิด
5. การป้องกันการโจมตี SQL Injection และ Cross-Site Scripting (XSS)
– กรอกข้อมูลที่มีการตรวจสอบเพื่อป้องกัน SQL injection
– ใช้วิธีการทำให้ข้อความถูกทำความสะอาดเพื่อป้องกัน Cross-Site Scripting
6. การปรับแต่งค่าความปลอดภัยของเซิร์ฟเวอร์
– ปรับแต่งค่าความปลอดภัยของเซิร์ฟเวอร์เพื่อลดความเสี่ยงต่อการโจมตี
– รวบรวมการแนะนำความปลอดภัยของเซิร์ฟเวอร์และปฏิบัติตาม
7. การตรวจสอบและป้องกันการโจมตี Cross-Site Request Forgery (CSRF)
– ใช้การตรวจสอบและการป้องกัน CSRF token เพื่อป้องกันการโจมตี
– ป้องกันการกระทำที่ไม่ได้รับอนุญาตจากผู้ใช้
8. การป้องกัน Hotlinking
– ป้องกันการโจมตีทางด้านภาพและไฟล์โดยการป้องกันการ Hotlinking
– ใช้คุณสมบัติการตรวจจับและป้องกัน Hotlinking ที่มีอยู่ในเซิร์ฟเวอร์
9. การตรวจสอบการทำ Backups
– สร้างการสำรองข้อมูลที่ปลอดภัยและปฏิบัติการตรวจสอบเพื่อให้แน่ใจว่าสามารถนำกลับมาใช้ได้
– ทดสอบการกู้คืนข้อมูลในกรณีฉุกเฉิน
10. การสร้างการทดสอบความปลอดภัย
– ทำการทดสอบความปลอดภัยเป็นประจำเพื่อค้นหาช่องโหว่ที่เปิดเผยหรือปรากฏ
– ใช้เครื่องมือทดสอบความปลอดภัยอัตโนมัติและคู่มือการทดสอบความปลอดภัย
การดูแลเว็บไซต์เพื่อความปลอดภัยเป็นกระบวนการที่ต้องทำตลอดเวลาเพื่อให้รักษาความปลอดภัยและป้องกันการโจมตีที่เป็นไปได้ มีผลทางด้านการเข้าชมเว็บไซต์ และอาจถูก ระบบค้นหาปิดกั้นการมองเห็นได้
ความคิดเห็นล่าสุด