คุณเคยสังเกตบ้างมั้ยว่าโลกออนไลน์ที่เกี่ยวกับกิจกรรมประจำวันของเรานับวันยิ่งตอบสนองความต้องการของเราได้ดีขึ้น และดีขึ้นในทุกๆวัน เหมือนจะรู้ใจเราไปซ๊ะทุกเรื่อง เช่น ใน Facebook หรือ Youtube ถ้าเรากดถูกใจหรือค้นหาเรื่องเกี่ยวกับอะไร เราก็จะเจอแต่เรื่องที่คล้ายๆกันนั้นตลอดทั้งวัน เช่นถ้าคุณกดถูกใจหรือเพียงแค่กดเข้าไปอ่านโฆษณาโรงเรียนสอนภาษาซึ่งโชว์อยู่หน้าฟีดบนมือถือคุณ วันนั้นทั้งวันคุณก็จะเจอแต่โฆษณาโรงเรียนสอนภาษา หรืออะไรที่เกี่ยวข้องกับภาษา หรือถ้าคุณSearch หาเพลงพี่เบิร์ด ธงชัย ฟังใน Youtube เมื่อได้ฟังเพลงที่ต้องการแล้ว พี่เบิร์ดก็ยังจะคงวนเวียนอยู่ใน Youtube ของคุณพอจะนึกภาพออกใช้มั้ยครับ
ผมมีเรื่องตลก (หรือเปล่าไม่รู้) จะเล่าให้ฟังครับ ผมมีเพื่อนคนนึงเค้าใช้ชีวิตติดออนไลน์ คือวันๆ เล่นแต่ Facebook แล้วเค้าก็พบเรื่องประหลาดคือ เค้าเจอเรื่องราวซ้ำๆ เดิมๆ หรือใกล้เคียงกับเรื่องเดิมที่เค้าเข้าไปอ่าน เค้าคิดว่านั้นคือการเล่นเกมกวนประสาทเหมือนมีสายลับคอยแอบส่องเค้าตลอดเวลา และน่าจะเป็นฝีมือของคนใกล้ตัวที่คอยส่องดูพฤติกรรมเค้า มีการซ่อนกล้องแอบถ่าย เค้าคิดหนักมากจนต้องไปพบจิตแพทย์เลยนะครับ และในที่สุดเค้าก็ต้องเลิกใช้ Social Media ไปเลย
อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว มีใครเคยสงสัยหรือเคยเจอกับเหตุการณ์แบบนี้บ้างมั้ยครับ
ที่จริงแล้วเหตุการณ์เหล่านี้มันไม่ได้เกิดจากฝีมือของสายลับซ่อนกล้องแอบถ่ายหรือซ่อนเครื่องดักฟังใดๆหรอกครับแต่มันเกิดจากความฉลาดของ AI แล้วเจ้า AI นี้มันคืออะไรกันแน่…?
AI ย่อมาจาก Artificial Intelligence คือ ปัญญาประดิษฐ์ โปรแกรมที่ถูกเขียนและพัฒนาให้มีความฉลาด มีความสามารถคิด วิเคราะห์ วางแผน และตัดสินใจได้ จากการประมวลผลของฐานข้อมูลขนาดใหญ่ และยังสามารถดัดแปลงการประมวลผล ประยุกต์ ให้เป็นไปตามสถานการณ์ต่างๆได้อีกด้วย ถ้าคุณหยุดนิ้วที่กำลังเลื่อนหน้าจอมือถือเพื่ออ่านข้อมูลเกี่ยวกับโรงเรียนสอนภาษา เจ้า AI ก็จะจดจำและประมวลผลว่าคุณสนใจเรียนภาษา มันก็จะพยายามช่วยเหลือ คุณด้วยการประเคนเนื้อหาเกี่ยวกับโรงเรียนสอนภาษามาให้คุณทั้งวัน หรือ ในกรณีฟังเพลงพี่เบิร์ด ธงชัย ก็เช่นกัน เมื่อคุณ Search หาเพลงพี่เบิร์ด ธงชัย ฟังใน Youtube เจ้า AI ก็จะทำหน้าที่ช่วยหาเพลงพี่เบิร์ดมาให้คุณตลอดทั้งวันนั้นเอง
AI คือเทคโนโลยีสมองกลคอมพิวเตอร์ที่สามารถคิดได้เหมือนมนุษย์
พื้นฐานของ AI คือเทคโนโลยีที่ถูกออกแบบให้มีระบบทำงานเหมือนกับการทำงานของสมองมนุษย์ , AI ที่ใช้กันในวงกว้างทุกวันนี้ ไม่ได้มีจุดมุ่งหมายจะเลียนแบบการทำงานให้เหมือนกับสมองมนุษย์เสียทีเดียว แต่สิ่งที่มุ่งหวังคือ “output” ของ AI จะสามารถตอบโต้กับผู้ใช้ได้โดยตรง ปัจจุบันซอฟต์แวร์หลาย ๆ ตัวที่ขับเคลื่อนด้วยระบบ AI นั้น ต่างก็ต้องการให้ผู้ใช้ได้รู้สึกเหมือนตอบโต้กับมนุษย์ด้วยกันให้ได้มากที่สุด
AI ที่ถูกสร้างขึ้นมาใหม่ก็ไม่ได้สมบูรณ์แบบพร้อมเช่นเดียวกับมนุษย์ที่เกิดใหม่ ต่างก็ต้องเรียนรู้และนำมาประยุกต์ใช้ การเรียนรู้ของ AI เหมือนกับมนุษย์ คือรับรู้ข่าวสาร ข้อมูล แล้วนำมาประมวลผล จากนั้นก็จัดเก็บ เพื่อนำมาประยุกต์ใช้ในอนาคต ยกตัวอย่างแนวทางการเรียนรู้ของ AI เสมือนเด็กคนหนึ่งที่เคยไปจับเตาแล้วรู้สึกร้อน สมองรับรู้ความเจ็บปวด ก็จดจำไว้แล้วก็จะไม่ทำเช่นนั้นอีก ทุกวันนี้มีโปรแกรมและแอปพลิเคชันชื่อดังหลายตัว ที่ทำงานด้วยระบบ AI แล้วพัฒนามาได้ถึงจุดที่สามารถเรียนรู้ได้เองโดยสัญชาตญาณ อย่างเช่น Amy ระบบผู้ช่วยอัจฉริยะ ที่คอยช่วยเราทำการจองและจัดตารางนัดหมาย, Siri ของ Apple ก็สามารถตอบคำถามง่าย ๆ ได้มากมาย หรือ Diamond ก็เป็นแอปพลิเคชัน ที่มาช่วยจัดการอีเมล แม้ว่าโปรแกรมเหล่านี้
จะทำงานได้อย่างน่าประทับใจ แต่ก็ยังมีขีดจำกัดในจุดที่ว่า ระบบ AI ในโปรแกรมเหล่านี้ยังไม่สามารถตัดสินใจในบางเรื่องได้แม่นยำอย่างที่ผู้สร้างคาดหวัง ตลอดช่วงทศวรรษที่ผ่านมา เราได้เห็น เทคโนโลยี AI เข้ามาเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมและชีวิตของผู้คนมากมาย แม้จะมีหลายฝ่ายที่พยายามสนับสนุนให้มี AI ในอุดมคติเกิดขึ้นมาได้จริง ๆ แต่ในปัจจุบัน ความฉลาดของ AI ที่ค่อย ๆ เติบโตขึ้นเรื่อย ก็เริ่มทำให้ผู้เชี่ยวชาญหลายคนมีความกังวลว่าการพัฒนา AI มากเกินไป อาจส่งผลเสียต่อมนุษย์มากกว่าผลดี เพราะหากเราควบคุมมันไม่ได้อีกต่อไป ก็อาจกลายเป็นภัย อย่างไรก็ตามทุกอย่างไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น มันคือเรื่องของอนาคตที่เราไม่สามารถคาดเดาได้ และการพัฒนา AI ก็คงจะไม่มีวันหยุดลง แต่ผมเชื่อนะครับว่าอย่างไรเสียมนุษย์ก็ยังคงควบคุม AI ได้และโลกของเรากำลังดีขึ้นทุกวัน คุณว่าจริงมั้ย…
บทความโดย ToeyMath
ข้อมูลอ้างอิง
https://tips.thaiware.com/
Beartai ข่าวไอที วิทยาการ มือถือ เทคโนโลยี ภาพยนตร์ ไลฟ์สไตล์ รีวิว แบไต๋