เว็บไซต์ติดไวรัส หรือโดนแฮก

กรณี เว็บไซต์ติดไวรัส หรือโดนแฮก

เว็บไซต์เกิดปัญหาไวรัส หรือถูกแฮก ทางผู้ให้บริการจะแจ้งเจ้าของเว็บไซต์ที่มีปัญหาเพื่อทำการแก้ไข หรือถ้าเป็นกรณีด่วนเช่นถูกวางไฟล์ Scammer จะต้องทำการปิดเว็บไซต์ทันที เมื่อเจ้าของเว็บไซต์พบว่าเว็บไซต์ของคุณติดไวรัส หรือโดนแฮกคุณควรรีบจัดการแก้ไขทันที หารไม่มีการดำเนินการใดๆ เว็บไซต์ของคุณจะถูกปิดโดน Admin Server เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบกับเซิร์ฟเวอร์โดยรวม

ปัญหาไวรัส หรือถูกแฮกเป็นเรื่องที่เกิดตขึ้นได้ จากหลายกรณี ดังนี้

1. ใช้พาสเวิร์ดจัดการหลังบ้านที่คาดเดาได้ง่าย หรือ การใช้พาสเวิร์ดเดิมๆเป็นเวลานาน ทำให้แฮกเกอร์สามารถแฮกเข้าทำลายระบบได้

2. ไม่อับเดทโปรแกรม theme, plugin เมื่อถึงวาระ ลูกค้าที่มีพาสเวิร์ดระดับ admin ควรหมั่นเข้าหลังบ้านเว็บไซต์ เพื่ออับเดทโปรแกรมที่มีการแจ้งเตือนให้อับเดท หากละเลย จะทำให้แฮกเกอร์ใช้ช่องโหว่ในการแฮกเข้าเว็บไซต์ได้

3. ไม่ควรลงปลั๊กอินที่ไม่น่าเชื่อถือ หรือปลั๊กอินฟรี ต่างๆ มักมีการเปิดช่องโหว่ให้แฮกเกอร์ เข้าทำลายระบบได้

เพียงเท่านี้เว็บไซต์ของคุณก็จะปลอดไวรัส หรือแฮกกอร์ได้

ทำไมต้องมีไวรัส หรือ แฮกเกอร์?

ทุกๆ สังคมมีทั้งคนดีและคนเลว ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติในสังคมออนไลน์ก็ต้องมีแฮกเกอร์ ถือว่าเป็นคนเลวที่ปราบได้ยากกว่าหัวขโมยทั่วไป

แฮกเกอร์มีวัตถุประสงค์อะไร?

มีหลายรูปแบบ เช่น

1. SEO แฮกเกอร์ แฮกเพื่อหวังวางคีเวิร์ด แอบแทรกคอนเทนต์ต่างๆ เพื่อให้ลิ้งค์ไปยังเว็บที่ต้องการ

2. Scammer แฮกเพื่อวางระบบเพื่อหลอกลงให้ป้อนข้อมูลทางการเงิน

3. Data แฮกเกอร์ เพื่อหวังดึงดูดข้อมูลบุคคลที่อยู่ในฐานข้อมูลในเว็บไซต์

4. Student แฮกเกอร์ แฮกเพื่อหวังศึกษา และทำลายระบบ ให้เกิดผลเสีย หรือเรียกร้องค่าแก้ไขบางอย่าง

เกิดอะไรขึ้นเมื่อเว็บไซต์คุณถูกแฮก ถ้าไม่มีการแก้ไข ?

1. เว็บไซต์จะถูกปิดกั้นการค้นพบจากกูเกิล และถูกประกาศให้เป็นเว็บไซต์อันตรายเมื่อเข้าชมเว็บไซต์

2. อีเมล์ถูกบล็อก และ ถูกตีกลับ

3. Shared Server จะส่งผลกระทบถึงเว็บไซต์อื่นๆ ที่อยู่ใน IP เดียวกัน จะถูกบล็อกไปด้วย ดังนั้นเมื่อตรวจพบปัญหา Admin ของเซิร์ฟเวอร์อาจจำเป็นต้องปิดเว็บไซต์ของคุณ จนกว่าจะมีการแก้ไข

เพราะหาก Admin เพิกเฉยไม่มีการดำเนินการใด ผู้ให้บริการวางเซิรฟเวอร์สามารถสั่งปิดเซิร์ฟเวอร์นั้นๆ ได้

***คำแนะนำสำหรับธุรกิจที่ใช้เว็บไซต์และอีเมล์อย่างจริงจัง เพื่อตัดปัญหาการถูกบล็อก เครื่องโอเวอร์โหลด หรือเดือดร้อนจากผลกระทบจากเว็บไซต์อื่นๆ***

– ใช้ผู้ให้บริการอีเมล์โดยตรง (Email Service Providers) ช่วยให้การส่งอีเมล์เป็นไปอย่างราบรื่น ไม่มีปัญหารการถูกบล็อก หรือตีกลับ เช่น MSN, Gsuite, True เป็นต้น

– ใช้ VPS ( Virtual Private Server) เป็นการจำลองเซิร์ฟเวอร์ส่วนตัว IP address ส่วนตัว ไม่มีปัญหาเมื่อเว็บไซต์อื่นๆ ติดไวรัส หรือ IP โดนบล็อก สามารถใช้อีเมล์ผ่าน IP ส่วนตัว

***ต้องการใช้ VPS สอบถามทีมงาน WG จะมีราคาพิเศษเฉพาะลูกค้าที่มีเว็บไซต์อยู่แล้ว

หวังเป็นอย่างยิ่งว่าบทความนี้จะช่วยให้คุณได้เข้าเกี่ยวกับการรักษาความปลอดภัยของเว็บไซต์ได้  ทำให้เว็บไซต์ของคุณใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และไม่เป็นสาเหตุของปัญหา ที่ก่อให้เกิดผลกระทบโดยรวม

การดูแลรักษาเว็บไซต์ของคุณให้มีความปลอดภัยเสมอ ย่อมเป็นผลดีในด้าน SEO ด้วย เว็บไซต์ของคุณจะไม่ถูกปิดกั้นโดยระบบการค้นหา พูดง่ายๆ ว่า ทำให้เป็นมิตรต่อ SEO นั่นเอง

แนะนำบทความ ป้องกันไวรัสในเว็บไซต์ WordPress เบื้องต้น